ประวัติ Darwin Nunez ดาวยิงอนาคตไกล อาวุธลับของลิเวอร์พูล

ดาร์วิน กาบริเอล นูเญซ ริเบย์โร หรือ ดาร์วิน นูเญซ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1999 จากเมือง อาร์ติกัส ทางตอนเหนือของประเทศอุรุกวัย ดาร์วิน นูเญซ ถือได้ว่าเป็นนักฟุตบอลที่สู้ชีวิตมากๆ อีกหนึ่งคน พ่อแม่ของเขา ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้ครอบครัวได้มีชีวิตรอดไปในแต่ละวัน ดาร์วิน นูเญซ มีพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ เขากับพี่ชายหวังเดินทางสายลูกหนังเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น

เพนาโรล จุดกำเนิด ดาร์วิน นูเญซ

ดาร์วิน นูเญซ เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีม เยาวชนเพนาโรล ตั้งแต่อายุ 14 ปี แต่การเริ่มต้นของเขาในสโมสรนี้ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด นูเญซ ได้รับบาดเจ็บหนักถึงสองครั้ง จนทำให้เขาคิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอลไปเลย แต่ด้วยกำลังใจจากครอบครัวและคนรอบข้างของเขา ทำให้เขาอดทนและกลับมาทำตามความฝันนั้นอีกครั้ง ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่เขาอยู่ที่สโมสรแห่งนี้ ดาร์วิน นูเญซ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนไปเข้าตาสโมสรอัลเมเรีย ทีมจากลีก เซกุนด้า ลีกา ในประเทศสเปน

ประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในอัลเมเรีย

การออกเดินทางจากถิ่นฐานบ้านเกิดของ ดาร์วิน นูเญซ ในครั้งนี้ เพื่อต้องการเปลี่ยนสถานะทางการเงินของที่บ้าน และหาประสบการณ์ความท้าทายใหม่ๆ ของตัวเอง นูเญซ ในสีเสื้อของอัลเมเรีย ถือได้ว่าเขาแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว จากการทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยการลงสนามไป 32 นัด ทำไป 16 ประตู รวมทุกรายการ ดาร์วิน นูเญซ อยู่กับอัลเมเรีย เพียงแค่หนึ่งฤดูกาล จากนั้นก็เป็นทีมยักษ์ใหญ่ใน โปรตุเกส อย่างสโมสรเบนฟิก้า ที่เห็นแววและต้องการคว้าเด็กหนุ่มคนนี้ไปร่วมทีม

คีย์แมนคนสำคัญของเบนฟิก้า

ดาร์วิน นูเญซ ใน เบนฟิก้า เขามีอาการบาดเจ็บรบกวนอีกครั้ง ทำให้เขาไม่ค่อยได้รับโอกาสในการลงเล่นสักเท่าไหร่ในฤดูกาลแรก และถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักพอสมควร ต่อมาในฤดูกาล 2020 – 2021 ดาร์วิน นูเญซ ระเบิดฟอร์มแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เขาทำประตูได้อย่างถล่มทลาย นอกจากนี้ผลงานอันร้อนแรงของเขา ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับ เบนฟิก้า ทำให้เขากายเป็นกำลังหลักของทีมไปโดยทันที ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่กับ เบนฟิก้า ลงสนามไปทั้งหมด 85 นัด และทำไปถึง 48 ประตู จากสถิติดังกล่าวทำให้ บรรดาทีมชั้นนำจากยุโรปให้ความสนใจและต้องการดาวรุ่งคนนี้ไปร่วมทัพ

ความท้าทายครั้งใหม่กับลิเวอร์พูล

จากผลงานอันยอดเยี่ยมของดาวเตะอุรุกวัย ทำให้ทัพหงส์แดงไม่รอช้าควักกระเป๋ากระชากตัว ดาร์วิน นูเญซ มาร่วมทัพในราคาที่สูงถึง 100 ล้านปอนด์ ด้วยค่าตัวเป็นสถิติของสโมสร การมาของเขามาพร้อมกับความกดดันที่ถาโถม ด้วยค่าตัวที่สูงจึงมาพร้อมกับการแบกความหวังของบรรดาแฟนบอล เดอะ ค็อป เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบทีมให้มากกว่านี้ แม้เกมอุ่นเครื่อง 1-2 นัด ที่เขาโดนกองแช่งจากทีมอื่นดูถูก แต่นูเญซ ไม่เคยยอมแพ้ เขาตั้งหน้าตั้งหน้าซ้อมอย่างหนัก และได้ซัดประตูแรกให้กับลิเวอร์พูล ในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับ อาร์บี ไลป์ซิก และสามารถทำแฮตทริกแรกในสีเสื้อของทัพหงส์แดงพร้อมกันอีกด้วย เมื่อความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมมาถึง นูเญซ เขาได้แสดงความยอดเยี่ยมในเกมการกุศล คอมมิวนิตีชีลด์ จากการลงมาเป็นตัวสำรอง พลิกเกมพาลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ได้สำเร็จ ด้วยการเรียกจุดโทษ ให้ทีมไปได้ 1 ประตู นับว่าเป็นสกอร์ที่สำคัญมากในเวลานั้น ต่อมาเขาได้ทำประตูตอกย้ำชัยชนะให้กับทีม ดาร์วิน นูเญซ ได้แสดงท่าดีใจด้วยการถอดเสื้อฉลองประตูของตนเองต่อหน้าแฟนๆ เดอะ ค็อป ทำให้ช่วงเวลานั้นเราได้เห็นแสงสว่างในตัวของ ดาร์วิน นูเญซ ที่ค่อยๆ ฉายแสงออกมาเรื่อยๆ ผลงานของเขากับลิเวอร์พูลจะเป็นอย่างไร เราต้องติดตามดูกันต่อไป

ผลงานกับทีมชาติ

สำหรับการลงเล่นในนามทีมชาติอุรุกวัยของ ดาร์วิน นูเญซ เขาติดทีมชาติมาตั้งแต่ชุด อายุไม่เกิน 20ปี และอายุไม่เกิน 22ปี และถูกดึงขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในปี 2019 ตามลำดับ แต่ด้วยความที่เขายังอายุน้อยบวกกับ อุรุกวัย มีกองหน้าดาวดังอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ และ เอดินสัน คาวานี่ ที่เป็นกำลังหลักอยู่แล้ว ทำให้เขาไม่ค่อยได้รับโอกาสในการลงสนามสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม ดาวิน นูญเญซ ก็ยังได้รับโอกาสลงเล่นไปทั้งหมด 9 เกม และทำไป 2 ประตู ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเขาจะเป็นกำลังหลักแทนรุ่นพี่ในอนาคต อย่างแน่นอน

 ความสำเร็จ การคว้าแชมป์สโมสร

-ลิเวอร์พูล

แชมป์ Community Shield ปี 2022

ความสำเร็จส่วนตัว

-เบนฟิก้า

รางวัลดาวซัลโว Liga Nos ปี 2021 – 2022

ดาวิน นูญเญซ VS เออร์ลิง ฮาแลนด์ ศูนย์หน้าแห่งทศวรรษใหม่

จากการขับเคี่ยว ชิงดีชิงเด่น ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ กับการมาของสองดาวรุ่งอย่าง ดาร์วิน นูเญซ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เชื่อกันว่าหลายคนคงเห็นศักยภาพของดาวรุ่งสองคนนี้กันมาบางแล้ว เมื่อเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ ก็มิอาจฟันธงได้เลยว่าใครดีกว่าใครและใครเก่งกว่าใคร สำหรับบทพิสูจน์ในครั้งนี้ ระหว่าง นูเญซ และ ฮาแลนด์ จะเป็นอย่างไรก็ตาม เราคงต้องติดตามความสนุกสุดมันส์กันต่อไป