ประวัติ Mohamed Salah เดอะ คิง ฟาโรห์แห่งวงการฟุตบอลอียิปต์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฆอลี  ( Mohammed Salah Ghaly ) ยอดนักฟุตบอลคนนี้เขาเกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1992 ที่ประเทศอียิปต์  เขาเป็นลูกชายคนโตและมีน้องชาย 1 คน  ครอบครัวของซาลาห์ อาศัยในหมู่บ้านการ์เบียเรท ที่เมืองนากริกตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงขึ้นไปทางตอนเหนือ ประมาณ 100 ไมล์ ซาลาห์เริ่มสนใจในกีฬาฟุตบอล ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ไม่เฉพาะแค่เล่นฟุตบอล เขายังดูการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในทุกๆ ค่ำคืนที่มีการแข่งขัน ไอดอลในวัยเด็กของเขาคือ ซีเนดีน ซีดาน,ฟรานเชสโก้ ต็อตติและโรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ้ (R9) ซาลาห์ ได้เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังและได้รับโอกาสลงเล่นให้กับสโมสรท้องถิ่น ก่อนที่ในปี 2010 ต้องออกเดินทางจากบ้านเกิดกว่า 200 กิโลเมตร เพื่อเข้าร่วมสโมสร El Mokawloon ในระดับเยาวชน เป็นจุดเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัว การพัฒนาของ Mohamed Salah ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนไปเตะตาแมวมองของยอดทีมแดนนาฬิกา เอฟซี บาเซิ่ล จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทำการคว้าตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปในปี 2012 การย้ายไปเล่นในลีกยุโรปนั้นทำให้เขาต้องปรับตัวอย่างมาก แต่นั้นก็ไม่ใช่อุปสรรค์ สำหรับตัวเขา ความมุ่งมั่นและความพยายามที่เต็มเปี่ยมของเขา ทำให้ตัว ซาลาห์ พัฒนาขึ้นอย่างเร็วรวด สามารถพาทีมต้นสังกัด คว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัย นั้นคือแชมป์ระดับเมเจอร์แรกของเจ้าตัวนักเตะที่มีชื่อว่า Mohamed Salah นั้นเอง

ความล้มเหลวที่ยากจะลืม

โอกาสลงเพียงน้อยนิด

จากนั้นในปี 2014 ช่วงตลาดหน้าหนาว เป็นทีมจากกรุงลอนดอนที่ส่งแมวมองซุ่มดูฟอร์มของ คิง ฟาโรห์ พร้อมประกาศกระชากตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เข้าสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในราคา 11 ล้านปอนด์ การย้ายมา เชลซี ของเด็กหนุ่มวัย 21 ปี นั้นถือว่าเป็นความล้มเหลวสุดๆ เขาไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็น 11 ตัวจริงของทีมได้เลย แต่ลองดูนักเตะชุดนั้นของ เชลซี ก่อน ต้องบอกเลยตัวเขาว่าเบียดยากสุดๆ ทั้ง เอเดน อาซาร์, ออสการ์, เชส ฟาเบรกาส, วิลเลียม ,อังเดร ชูร์เล ล้วนแล้วเป็นแกนหลักของทีม ในฤดูกาลนั้น ซาลาห์ ลงสนามให้กับเชลซี ไปเพียงแค่ 10 นัด ฤดูกาล 2014-2015 เขาได้ลงสนามให้กับ เชลซี รวมๆ ทั้งครึ่งฤดูกาลแรกไปเพียง 30 นาทีเท่านั้นเอง ทำให้ Salah ตัดสินใจบอกกับทางต้นสังกัดว่าตัวเขานั้นต้องการย้ายทีม เพื่อโอกาสได้ลงสนามมากกว่านี้

การตื่นของคิงส์ ฟาโรห์

เหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง

ฟิออเรนติน่า ประกาศยืมตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จากตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคม จากการคุมทีมของ วินเซนโซ่ มอนเตลล่า ในขณะนั้น  มอนเตลล่า ได้ให้โอกาสซาลาห์ลงสนามอย่างต่อเนื่อง จนเขาสามารถคืนฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขาได้อย่างรวดเร็ว เพียงครึ่งฤดูกาล การย้ายจากฟุตบอลอังกฤษมาถึงฟุตบอลอิตาลี ทำให้เขาพัฒนาสกิลได้ดีเป็นอย่างมาก ทั้งการจบสกอร์ การเลี้ยงบอลและความความมั่นใจในการเล่น เหมือนตัว ซาลาห์เอง ได้ชุบชีวิตขึ้นมามีสีสันอีกครั้ง ในสีเสื้อของ ฟิออเรนติน่า และทีมต้องการซื้อขาดในตัวเขา แต่ ซาลาห์ ไม่ต้องการอยู่ที่ ฟิออเรนติน่าถาวร จึงย้ายไปอยู่กับ อริในลีก อย่าง อาแอส โรม่า แบบยืมตัวในฤดูกาลถัดไป

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ย้ายไปร่วมทีมในกรุงโรม อย่าง อาแอส โรม่า แบบยืมตัว 1 ฤดูกาล เพราะตัวเขาต้องการเล่นเคียงข้างกับ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ไอดอลตั้งแต่เด็กๆ ของเขา การย้ายมา โรม่า เขาแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก แถมยังได้รับคำแนะนำดีๆจากพี่ใหญ่อย่าง ต๊อดติ ทำให้ ซาลาห์ ระเบิดฟอร์มเทพให้กับทัพหมาป่ากรุงโรม ด้วยการซัดไปถึง 15 ประตู 7 แอสซิสต์ จาก 42 นัดในทุกรายการ และยังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่น 2015-16 ชนิดที่ว่า โรม่า ต้องควักเงินจำนวน 15 ล้านปอนด์ ซื้อขาดมาอยู่กับทีมแบบถาวร จากนั้นฤดูกาลที่ 2 กับ โรม่า ซาลาห์ ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง ถล่มประตูให้กับต้นสังกัดถึง 19 ประตู กับอีก 15 แอสซิสต์ จาก 41 นัดในทุกรายการ เป็นการตอบแทนที่สโมสรแห่งนี้ไว้วางใจในตัวเขา แต่น่าเสียดายที่ โรม่า ไม่ได้แชมป์สักรายการในฤดูกาล 2016-2017

การกลับมาพิสูจน์ตัวเองในศึกพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของ คิง ซาลาห์ ทำให้หงส์แดง ลิเวอร์พูล ตัดสินใจยื่นข้อเสนอให้กับ โรม่า เป็นจำนวนเงิน 42 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติสโมสรในเวลานั้นเพื่อสู่ขอ โม ซาลาห์ เข้าในถิ่น แอนฟิลด์ บวกกับความต้องการของเขาที่จะกลับมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองในเวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนักตอนที่ค้าแข้งอยู่กับ เชลซี

เดอะ แบก ลิเวอร์พูล

แค่เพียงฤดูกาลแรก ที่เข้ามา เดอะ คิง ซาลาห์ ก็ไม่ทำให้แฟน เดอะ ค็อป ผิดหวัง เขาแสดงความยอดเยี่ยมในการเป็นเพชฌฆาต ตะบันประตูให้กับต้นสังกัดใหม่ไปถึง 44 ลูก บวกอีก 16  แอสซิสต์ จากการลงเล่น 52 นัดในทุกรายการ คว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ พ่วงรางวัลส่วนตัวอีกมากมายคือนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ นักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล Premier League Player of the Season  และยังสามารถพาลิเวอร์พูลเข้าชิงชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อีกด้วย แต่โชคไม่ดีที่  ซาลาห์ ได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะกับ เซอร์จิโอ รามอส จนต้องเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ 30 นาทีแรกของเกม ผลการแข่งขันเป็นลิเวอร์พูลที่พ่ายแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 ทำได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น

ปีทองของ โม ซาลาห์

ฤดูกาลที่ 2 ของ Mohamed Salah ยังคงระเบิดฟอร์มอันร้อนแรง ซัดประตูให้กับหงส์แดงไปถึง 27 ประตู กับอีก 12 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 52 นัดในทุกรายการ คว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่  ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยองไปครอง และเป็นการคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2 ปีติดต่อกันอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ลิเวอร์พูล จบด้วยอันดับที่ 2 แต้มห่างจากแชม์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แค่เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น ถึงจะอกหักพลาดแชมป์ลีก แต่ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-0 ยังไม่พอแค่นั้นหงส์แดง ยังเดินหน้ากวาดแชมป์ทั้งยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ แชมป์สโมสรโลก  ถือว่านี้คือปีทองของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ สโมสร ลิเวอร์พูล อีกด้วย ในฤดูกาลที่ 2019-2020 ซาลาห์ ยังคงยอดเยี่ยม เขาซัดไปถึง 23 ประตู กับอีก 13 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 48 นัดในทุกรายการ แม้ว่าฟอร์มการเล่นของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะตกลงไปนิดหน่อย แต่เขายังสามารถพา ลิเวอร์พูล เถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ในฤดูกาลที่ 2020-2021 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงระเบิดฟอร์มอันร้อนแรง เขายิงประตูถึง 31 ลูก กับอีก 6 แอสซิสต์จากการลงเล่น 51 นัดในทุกรายการ เขาเป็นรองดาวซัลโวยิงน้อยกว่า แฮรี่ เคน เพียงแค่ประตูเดียว แต่ผลงานของทีมในฤดูกาลนี้ ต้องลุ้นเหนื่อยถึงนัดสุดท้าย เพื่อพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และจบลงด้วยอันดับ 3 ของตาราง

ฤดูกาลที่ 2021-2022 เป็นฤดูกาลที่เกือบการสร้างประวัติศาสตร์

เดอะ แบก ของ ลิเวอร์พูล เขายังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม รักษามาตรฐานการเล่นและการจบสกอร์ได้เป็นอย่างดี ด้วยการซัดประตูไปถึง 31 ประตู  กับอีก 16 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 51 นัดในทุกรายการคว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกร่วมกับ ซน ฮึง มิน พ่วงอีกสองรางวัลส่วนตัวคือนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ นักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล และยังพาลิเวอร์พูล ลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว เขาสามารถคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ และแชมป์ เอฟเอ คัพ  มาครองได้สำเร็จ  แต่น่าเสียดายที่หงส์แดง ลิเวอร์พูล ไม่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ หลังพลาดแชมป์ลีกให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย และ พลาดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับ คู่ปรับเก่า อย่าง ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ไป 0-1 แบบน่าเจ็บใจสุดๆ

ฤดูกาลที่ 2022-2023 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น เขากำลังติดปัญหาเจรจาสัญญาฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2565 แฟนเดอะ ค็อปได้รับข่าวดี เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตกลงต่อสัญญาฉบับใหม่ 3 ปีกับลิเวอร์พูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเขาได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 350,000 ปอนด์ (ราว 15 ล้านบาท) ทำให้เขาได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดของสโมสรเป็นที่เรียบร้อย

ด้วยผลงานการคว้ารางวัลดาวซัลโว 3 จาก 5 ฤดูกาลที่เขาลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก บวกกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ 2 สมัย และการคว้าแชมป์กับลิเวอร์พูล โดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรมากมาย ให้ผลงานและความสำเร็จเป็นตัวการันตี เขาได้พิสูจน์ให้ทุกคนทั่วโลกเห็นแล้วว่า เขาคือราชาในศึกพรีเมียร์ลีก เดอะ คิง ฟาโรห์  Mohamed Salah

การติดทีมชาติ

ในนามทีมชาติของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ ในวัยเพียง 19 ปี เด็กหนุ่มจากเมืองนากริกโชว์ฝีเท้าได้โดดเด่นตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม จากนั้นเขาก็ถูกเรียกติดทีมชาติหลายชุดด้วยกันทั้ง U-20 / U-23 /ชุดโอลิมปิก รวมถึงทีมชาติชุดใหญ่ และได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมชาติอียิปต์คนปัจจุบัน ถึงตอนนี้ โม ซาลาห์ ยิงประตูให้กับทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 41 ประตู จากการลงเล่น 64 นัด    ความสำเร็จ และเหตุการณ์สำคัญในนามทีมชาติ

เหตุการณ์สำคัญในนามทีมชาติ

เหตุการณ์สำคัญในนามทีมชาติคงหนีไม่พ้นเกมนัดสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนแอฟริกา ปี 2018 ที่ในเกมนั้น พบกับ ทีมชาติคองโก เพื่อชิงตั๋วผ่านเข้าสู่รอบฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย โดยทีมชาติอียิปต์มาได้จุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 94 เป็นทางโมฮาเหม็ด ซาลาห์รับหน้าที่สังหาร นั้นเท่ากับว่าเขาต้องแบกรับความหวังของคนทั้งประเทศในการยิงจุดโทษในครั้งนี้ และ คิงส์ ซาลาห์ ก็ไม่ทำให้ชาวอียิปต์ผิดหวังด้วยการส่งบอลไปนอนก้นตาข่าย ทำให้ทีมชาติอียิปต์ได้ตั๋วผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2018 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี

ความสำเร็จในนามทีมชาติ

ถ้ามองถึงความสำเร็จในนามทีมชาติ ต้องบอกเลยว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นั้นอาภัพเอามากๆ เขาพาทีมชาติอียิปต์ เข้าชิงชนะเลิศ ในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ได้ 2 ครั้ง ในปี 2017และ ปีล่าสุด 2021 แต่เขากลับช่วยให้ทีมไปถึงฝั่งฝันไม่ได้ ทำได้เพียงแค่รองแชมป์ทั้ง 2 ครั้ง โดยในปี 2017 ทัวร์นาเมนต์นั้นจัดขึ้นในบ้านเกิดของตัวเอง แต่แพ้ให้กับ แคเมอรูน ไปอย่างน่าเสียดาย 1-2  ในปีล่าสุด 2021 เขาพาทีมชาติอียิปต์ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ พบกับ เซเนกัล และเป็นทางด้านอียิปต์ ต้องพบกับความผิดหวังไปอีกครั้ง จบเกมเสมอกัน 0-0 ต้องดวลจุดโทษตัดสินแชมป์ เป็นทางด้านทีมชาติเซเนกัล แม่นโทษกว่าชนะไป 4-2 เท่านั้นยังไม่พอในเกมนัดสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนแอฟริกา ยังโดน เซเนกัล เขี่ยตกรอบ อดไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 ที่ ประเทศการ์ต้าอีกด้วย

ความสำเร็จ การคว้าแชมป์สโมสร และทีมชาติ

(เอฟซี บาเซิ่ล)

สวิสซูเปอร์ลีก  2012-13 , 2013-14

(เชลซี)

พรีเมียร์ลีก  2014-15

ลีกคัพ  2014-15

(ลิเวอร์พูล)

พรีเมียร์ลีก  2019-20

ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก  2018-19

ยูฟ่าซูเปอร์คัพ  2019

ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก  2019

ทีมชาติ

รองแชมป์แอฟิกัน แนชั่นคัพ 2017

รองแชมป์แอฟิกัน แนชั่นคัพ 2021

ความสำเร็จส่วนตัว

CAF Most Promising Talent of the Year 2012

UAFA Golden Boy 2012

Swiss Super League Player of the Year 2013

SAFP Golden Player 2013

El Heddaf Arab Footballer of the Year 2013, 2017, 2018

A.S. Roma Player of the Season 2015-16

Globe Soccer Awards Best Arab Player of the Year 2016

CAF Team of the Year 2016, 2017, 2018

CAF Africa Cup of Nations Team of the Tournament 2017

BBC African Footballer of the Year 2017, 2018

African Footballer of the Year 2017, 2018

Goal’s Arab Player of the Year 2017, 2018,

PFA Players’ Player of the Year 2017-18, 2021-22

FWA Footballer of the Year 2017-18, 2021-22

Premier League Golden Boot 2017-18, 2018-19, 2021-22

Premier League Player of the Season 2017-18

PFA Team of the Year 2017-18, 2019-20, 2021-22

Liverpool Player of the Season 2017-18, 2020-21, 2021-22

Liverpool Players’ Player of the Season 2017-18, 2020-21, 2021-22

PFA Fans’ Player of the Year 2018, 2021, 2022

UEFA Champions League Squad of the Season 2017-18

Onze d’Argent 2017-18

Honorary Citizen of the Chechen Republic 2018

UEFA Champions League Forward of the Season 2017-18 (2nd place), 2018-19 (4th place)

FIFA Puskás Award 2018

Football Supporters’ Federation Player of the Year 2018

FIFA FIFPro World11 2nd team 2018

FIFA Club World Cup Golden Ball 2019

Football Supporters’ Federation Player of the Year 2018

ESM Team of the Year 2017–18

IFFHS Men’s World Team 2018, 2019

GQ Middle East Man of The Year Award   2019

FIFA World Cup qualification (CAF) top scorer   2014

เกร็ดความรู้ ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

บังโมบริจาคเงินเพื่อใช้ซื้อรถพยาบาลและซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในชุมชนเป็นประจำ เขาเดินหน้าพัฒนาชุมชนตลอดมา นอกจากนี้ยังก่อตั้ง มูลนิธิซาลาห์ ที่มีการสร้างศูนย์การเรียนรู้ในชุมชนให้กับเด็กๆ สร้างคลีนิกและสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะ จากนั้นเขานำเงินก้อนหนึ่ง ไปบริจาคให้กับโรงเรียน โมฮัมหมัด อายเย็ด อัลตันตาวี่ ที่เขาเคยเป็นศิษย์เก่าที่นั้น โดยการสร้างโรงยิมอเนกประสงค์ เพื่อสร้างแรงบัลดาลใจให้กับเด็กๆ ที่สนใจในด้านกีฬาเหมือนกับตัวเขาไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถึงได้มีคนยกย่องเขาเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคนในประเทศอียิปต์ เพราะไม่ใช่แค่ฝีเท้าของเขาที่ยอดเยี่ยมเพียงอย่างเดียว แต่เขายังมีน้ำใจแบ่งปัน สร้างสิ่งดีๆ ให้กับชุมชนและสังคม จนพัฒนาและมีคุณภาพมากขึ้นจากเดิม นี่แหล่ะสุดยอดของนักเตะคุณภาพ

© 2022 Copyright: 1688UFABET เว็บพนันออนไลน์ ที่ดีที่สุดในเอเชีย ฝาก-ถอน ออโต้ 24 ชั่วโมง